วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551

คำถามท้ายบทที่1

ข้อ 1.


คอมพิวเตอร์สามารถจำแนกได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของขนาดเครื่องความเร็วในการประมวลผล และราคาเป็นข้อพิจารณาหลัก โดยทั่วไปนิยมจำแนกประเภท คอมพิวเตอร์ เป็น 8 ประเภทดังนี้คือ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer) คอมพิวเตอร์เมนเฟรม (mainframe computer) มินิคอมพิวเตอร์ (minicomputer) เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (server computer ) ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) และคอมพิวเตอร์แบบฝัง (embedded computer)PDA ( Personal Digital Assistant )คอมพิวเตอร์เครือข่าย (Network computer) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (supercomputer)

เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด จึงราคาแพงมาก ความสามารถในการประมวลผลที่ทำได้มากกว่า พันล้านคำสั่งต่อวินาที ตัวอย่างการใช้งานคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น การพยากรณ์อากาศการทดสอบทางอวกาศ และงานอื่น ๆ ที่มีการคำนวณที่ซับซ้อน


คอมพิวเตอร์เมนเฟรมหรือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ (mainframe computer)

เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพรองจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ สามารถรองรับการทำงานจากผู้ใช้ได้หลายร้อยคนในเวลาเดียวกัน ประมวลผลด้วยความเร็วสูง มีหน่วยความจำหลักขนาดใหญ่ ตลอดจนการจัดเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก คอมพิวเตอร์เมนเฟรม นิยมใช้กับองค์การขนาดใหญ่ที่มีการเข้าถึง ข้อมูลของผู้ใช้จำนวน มากในเวลาเดียวกันเช่น งานธนาคาร การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียนและการตรวจสอบผลการเรียน ของนักศึกษา เป็นต้น

มินิคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง (minicomputer)
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานน้อยกว่า เมนเฟรมแต่สูงกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ และสามารถรองรับการทำงาน จากผู้ใช้ได้หลายคนในการทำงาน ที่แตกต่างกัน จากจุดเริ่มต้นใน การพัฒนา ที่ต้องการให้ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ทำงานเฉพาะอย่าง เช่น การคำนวณทางด้านวิศวกรรม ทำให้การพัฒนามินิคอมพิวเตอร์ เจริญอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันธุรกิจและองค์การหลายประเภทนิยมนำ มินิคอมพิวเตอร์มา ใช้ในการให้บริการข้อมูลแก่ลูกค้า เช่น การจองห้องพักของโรงแรม การทำงานด้านบัญชีขององค์การธุรกิจ เป็นต้น




เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ (server computer)

เป็นคอมพิวเตอร์ที่สนับสนุนการทำงานของคอมพิวเตอร์ เครือข่ายซึ่งใช้ในการจัดสรรและใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น แฟ้มข้อมูล โปรแกรมประยุกต์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ( เช่น เครื่องพิมพ์แลอุปกรณ์อื่น ๆ )

ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer


เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีผู้นิยมใช้แพร่หลายมากที่สุด ส่งผลให้การพัฒนาเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์มีลักษณะและรูปแบบ ที่แตกต่างกัน เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ( desktop computer ) คอมพิวเตอร์พกพา ( portable computer ) ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
คอมพิวเตอร์แบบฝัง (embedded computer )


เป็นคอมพิวเตอร์ที่ฝังในอุปกรณ์ต่าง ๆ นิยมนำมาใช้ทำงาน เฉพาะด้าน พิจารณาจากภายนอกจะไม่เห็นว่าเป็นคอมพิวเตอร์แต่จะ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานบางอย่างของอุปกรณ์นั้นๆ คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ เช่น เครื่องเล่นเกม ระบบเติมน้ำมันอัตโนมัติ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น




PDA ( Personal Digital Assistant )

หรือเลขาส่วนตัวดิจิตอล เป็นอุปกรณ์ที่อำนวยความสะดวกในการจัดการงาน ช่วยในการจดบันทึก หรือเตือนนัดหมายต่างๆ และ สามารถที่จะเพิ่มซอฟต์แวร์ต่างๆเข้าไป เช่น โปรแกรม รายรับ - รายจ่าย , โปรแกรม ดิกชั่นนารี่ภาษาต่างๆ หรือ แม้กระทั้ง มัลติมีเดียต่างๆ ดูหนัง ฟัง เพลง เล่นเกมส์อันที่จริง แล้ว PDA ไม่ได้หมายถึงปาล์มหรือพ็อกเก็ตพีซีเท่านั้น ถ้าตามความหมายแล้วก็คงต้องรวมถึง Electronic (หรือ talking) Dictionary และเครื่องคิดเลขที่สามารถจดบันทึกเล็ก ๆ น้อยได้ และก็รวมถึงโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ๆ หลาย ๆ รุ่นที่สามารถจดบันทึกนัดหมายได้ด้วย
อุปกรณ์ PDAs นั้นจะมีอยู่หลายค่ายที่ผลิตออกมาจำหน่ายโดยการแบ่งตามโอเอส(OS)การใช้งาน ซึ่งแบ่งได้เป็น สองค่ายใหญ่ๆ คือ ค่าย Palm OS และ WinCE (Windows CE ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็น Pocket-PC แล้ว) เช่น ตระกูล Palm ทั้งหลายไม่ว่า จะเป็น Palm III, Palm IIIe, Palm IIIx, Palm V, Palm VII และ Visor (Handspring.com) ที่ใช้งาน Palm OS ของ บริษัท Palm computing หรือ ของทางค่าย WinCE ของบริษัทไมโครซอฟต์ ไม่ว่าจะเป็น Jornada ของ Hewlett Packard, cassiopeia ของ Casio ที่ใช้งานโอเอส WinCE เป็นต้น

Palm i705


Casio E300 (Pocket PC)

คอมพิวเตอร์เครือข่าย (Network computer)

ประเภทของระบบเครือข่ายPeer To Peerเป็นระบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนระบบเครือข่ายมีฐานเท่าเทียมกัน คือทุกเครื่องสามารถจะใช้ไฟล์ในเครื่องอื่นได้ และสามารถให้เครื่องอื่นมาใช้ไฟล์ของตนเองได้เช่นกัน ระบบ Peer To Peer มีการทำงานแบบดิสทริบิวท์(Distributed System) โดยจะกระจายทรัพยากรต่างๆ ไปสู่เวิร์กสเตชั่นอื่นๆ แต่จะมีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลที่เป้นความลับจะถูกส่งออกไปสู่คอมพิวเตอร์อื่นเช่นกันโปรแกรมที่ทำงานแบบ Peer To Peer คือ Windows for Workgroup และ Personal Netware
Client / Serverเป็นระบบการทำงานแบบ Distributed Processing หรือการประมวลผลแบบกระจาย โดยจะแบ่งการประมวลผลระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์กับเครื่องไคลเอ็นต์ แทนที่แอพพลิเคชั่นจะทำงานอย ู่เฉพาะบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ ก็แบ่งการคำนวณของโปรแกรมแอพพลิเคชั่น มาทำงานบนเครื่องไคลเอ็นต์ด้วย และเมื่อใดที่เครื่องไคลเอ็นต์ต้องการผลลัพธ์ของข้อมูลบางส่วน จะมีการเรียกใช้ไปยัง เครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้นำเฉพาะข้อมูลบางส่วนเท่านั้นส่งกลับ มาให้เครื่องไคลเอ็นต์เพื่อทำการคำนวณข้อมูลนั้นต่อไป
รูปแบบการเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย LAN Topologyระบบ Bus การเชื่อมต่อแบบบัสจะมีสายหลัก 1 เส้น เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งเซิร์ฟเวอร์ และไคลเอ็นต์ทุกเครื่องจะต้องเชื่อมต่อสายเคเบิ้ลหลักเส้นนี้ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกมองเป็น Node เมื่อเครื่องไคลเอ็นต์เครื่องที่หนึ่ง (Node A) ต้องการส่งข้อมูลให้กับเครื่องที่สอง (Node C) จะต้องส่งข้อมูล และแอดเดรสของ Node C ลงไปบนบัสสายเคเบิ้ลนี้ เมื่อเครื่องที่ Node C ได้รับข้อมูลแล้วจะนำข้อมูล ไปทำงานต่อทันที
แบบ Ring การเชื่อมต่อแบบวงแหวน เป็นการเชื่อมต่อจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง จนครบวงจร ในการส่งข้อมูลจะส่งออกที่สายสัญญาณวงแหวน โดยจะเป็นการส่งผ่านจากเครื่องหนึ่ง ไปสู่เครื่องหนึ่งจนกว่าจะถึงเครื่องปลายทาง ปัญหาของโครงสร้างแบบนี้คือ ถ้าหากมีสายขาดในส่วนใดจะทำ ให้ไม่สามารถส่งข้อมูลได้ ระบบ Ring มีการใช้งานบนเครื่องตระกูล IBM กันมาก เป็นเครื่องข่าย Token Ring ซึ่งจะใช้รับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องมินิหรือเมนเฟรมของ IBM กับเครื่องลูกข่ายบนระบบ
แบบ Star การเชื่อมต่อแบบสตาร์นี้จะใช้อุปกรณ์ Hub เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ โดยที่ทุกเครื่องจะต้องผ่าน Hub สายเคเบิ้ลที่ใช้ส่วนมากจะเป้น UTP และ Fiber Optic ในการส่งข้อมูล Hub จะเป็นเสมือนตัวทวนสัญญาณ (Repeater) ปัจจุบันมีการใช้ Switch เป็นอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อซึ่งมีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่า
แบบ Hybrid เป็นการเชื่อมต่อที่ผสนผสานเครือข่ายย่อยๆ หลายส่วนมารวมเข้าด้วยกัน เช่น นำเอาเครือข่ายระบบ Bus, ระบบ Ring และ ระบบ Star มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เหมาะสำหรับบางหน่วยงานที่มีเครือข่ายเก่าและใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกันได้ ซึ่งระบบ Hybrid Network นี้จะมีโครงสร้างแบบ Hierarchical หรือ Tre ที่มีลำดับชั้นในการทำงาน
เครือข่ายแบบไร้สาย ( Wireless LAN) อีกเครือข่ายที่ใช้เป็นระบบแลน (LAN) ที่ไม่ได้ใช้สายเคเบิลในการเชื่อมต่อ นั่นคือระบบเครือข่ายแบบไร้สาย ทำงานโดยอาศัยคลื่นวิทยุ ในการรับส่งข้อมูล ซึ่งมีประโยชน์ในเรื่องของการไม่ต้องใช้สายเคเบิล เหมาะกับการใช้งานที่ไม่สะดวกในการใช้สายเคเบิล โดยไม่ต้องเจาะผนังหรือเพดานเพื่อวางสาย เพราะคลื่นวิทยุมีคุณสมบัติในการทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางอย่าง กำแพง หรือพนังห้องได้ดี แต่ก็ต้องอยู่ในระยะทำการ หากเคลื่อนย้ายคอมพิวเตอร์ไปไกลจากรัศมีก็จะขาดการติดต่อได้ การใช้เครือข่ายแบบไร้สายนี้ สามารถใช้ได้กับคอมพิวเตอร์พีซี และโน๊ตบุ๊ก และต้องใช้การ์ดแลนแบบไร้สายมาติดตั้ง รวมถึงอุปกรณ์ที่เรียกว่า Access Point ซึ่งเป็นอุปกรณ์จ่ายสัญญาณสำหรับระบบเครือข่ายไร้สาย มีหน้าที่รับส่งข้อมูลกับการ์ดแลนแบบไร้สาย




วันที่สืบค้น --- 25 มิถุนายน 2551

แหล่งข้อมูล --- http://www.tp.th.gs/web-t/p/index3.htm
http://www2.cs.science.cmu.ac.th/seminar/2546/PDA/INDEX.HTML
http://www.bcoms.net/network/intro.asp






---------------------------------------------------------------------------

ข้อ2.
คอมพิวเตอร์แบบฝัง (Embeded computer)

เป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกฝังลงไปในอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้มองไม่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกว่าเปนคอมพิวเตอร์ เช้น นอยมใช้เฉพาะด้าน โดยทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมหน้าที่การทำงานบางอย่าง เช่นเตาอบไฟฟ้า อุปกรณ์เล่นเกม






วันที่สืบค้นข้อมูล --- 25 มิถุนายน 2551

หล่งที่มา --- http://web.udru.ac.th/~comed4554/4554144102/embededcomputer.html

---------------------------------------------------------------------------

ข้อ3.


ข้อมูล (Data) ในระบบคอมพิวเตอร์ หมายถึงสิ่งที่เป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ เสียง เกี่ยวกับคน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งหมดนี้จะมีจำนวนมากอาจอยู่ในรูปของตัวเลข ตัวอักษร กราฟฟิก สิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้รับการประมวลผลใดๆ จึงเป็น ข้อมูลที่ต้องการได้รับการประมวลผลเพื่อทราบผลลัพธ์ หรือต้องการจัดเก็บให้เป็นระบบระเรียบเพื่อใช้งานต่อไป
สารสนเทศ (Information) คือ ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว โดยขั้นตอนในการประมวลคือมีการรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลว่าข้อมูลนั้นจริงเท็จอย่างไร แล้วนำไปดำเนินการประมวลผลโดย ใช้วิการจัดแบ่งข้อมุล แบ่งเป็นกลุ่มๆตามประเภทและจัดเรียงข้อมูลเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและ สุดท้ายการคำนวณข้อมูล ซึ่งข้อมุลบางตัวนั้นอาจจะเป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขจึงจะต้องมีการคำนวณเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะดวกต่อการใช้งานและเป็นข้อมุลสุดท้ายที่ได้มานั้นดีที่สุด และหลังจากการประมวลผลแล้วนั้นเราก็ต้องจัดเก็บข้อมูล โดยอาจจะใช้การจัดเก็บลงเครื่องหรือสื่อบันทึกต่างๆ เพื่อจะได้ง่ายต่อการเรียกใช้งาน อีกด้วย
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า "ข้อมูล" คือ ข่าวสาร ข้อความรูปภาพ เสียง หรืออะไรต่างๆ ที่อยู่ในหลายๆ รูปแบบ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้ผ่านการประมวลผล หรือจัดกลุ่ม เรียบเรียงอะไรทั้งสิ้น ยังไม่สามารถที่จะนำไปใช้งานได้ จะแตกต่างกับ "สารสนเทศ" นั้นคือ สารสนเทศ เป็นข้อมูลที่ได้รับการกลั่นกรอง หรือประมวลผลในรูปแบบหรือกรรมวิธีต่างๆแล้ว เป็นข้อมูลที่สะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่ดีที่สุด สามารถนำมาอ้างอึง ใช้งานได้เลย

วันที่สืบค้น --- 25 มิถุนายน 2551

แหล่งที่มา --- http://gotoknow.org/blog/pasin/31451และ http://board.dserver.org/k/kitty2001/00000023.html

---------------------------------------------------------------------------


ข้อ4.


จากวงจรไอซีได้มีการพัฒนาวงจรรวมความจุสูงหรือแอลเอสไอ (Large Scale Integrated Circuit : LSI) ขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2513 ทำให้สามารถบรรจุวงจรทรานซิสเตอร์จำนวนหลายพันตัวลงบนแผ่นซิลิคอนขนาด 1/6 ตารางนิ้ว นับเป็นการเริ่มยุคที่สี่ของคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ระหว่าง พ.ศ.2513 – 2532 และในปี พ.ศ. 2518 สามารถเพิ่มปริมาณวงจรหลายหมื่นวงจรลงบนซิลิคอนขนาดเท่าเดิม เรียกว่า วงจรรวมความจุสูงมากหรือวีแอลเอสไอ (Very Large Scale Integrated Circuit : VLSI) จากการประดิษฐ์วีแอลเอสไอสามารถนำมาสร้างเป็นไมโครโพรเซสเซอร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู (Central Processing Unit : CPU) ของคอมพิวเตอร์ และสามารถลดขนาดของคอมพิวเตอร์ให้เล็กลงจนสามารถตั้งบนโต๊ะทำงานในสำนักงาน หรือพกพาไปในที่ต่างๆ เหมือนกระเป๋าหิ้วได้ เรียกเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เกิดในยุคนี้ว่าไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) นอกจากนี้ ยังสามารถนำวงจรวีแอลเอสไอมาสร้างเป็นหน่วยความจำรองที่สามารถเก็บข้อมูลในระหว่างที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้ ทำให้ได้หน่วยความจำที่มีความจุมากขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานของคอมพิวเตอร์ยุคนี้จะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนคอมพิวเตอร์นอกจากช่วยงานคำนวณแล้วยังสามารถทำงานเฉพาะทางอื่นๆ ได้มากกว่าช่วยงานคำนวณ เช่น การนำเสนอข้อมูลแบบสื่อประสม


วงจรวีแอลเอสไอที่รวมทรานซิสเตอร์ได้นับพันตัวไว้บนแผ่นซิลิคอนที่มีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับมือคน



วันที่สืบค้น --- 25 มิถุนายน 2551

แหล่งที่มาของข้อมูล --- http://203.154.140.4/ebook/files/chap3-7.htm




------------------------------------------------

ข้อ5.


ใช้ในการสืบค้นหาข้อมูล ทำรายงาน ทำการบ้าน






ใช้ในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งจะสะดวกกว่าเปิดหนังสือ






ใช้ในการพูดคุยกับเพื่อนๆ ผ่านโปรแกรม MSN หรือ HI5






ใช้ในการเล่นเกมส์ แก้คลายเครียด เพลินๆๆ AUDITION







---------------------------------------------------------------------------

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ข่าวเทคโนโลยี Computer



::: จอ LCD ของคุณ OK อยู่หรือเปล่า? :::










ใครที่เป็นเจ้าของจอ LCD หรือใช้โน้ตบุ๊กอยู่เป็นประจำ ลึกๆ แล้วคงอยากทราบเหมือนกันใช่ไหมครับว่า จอ LCD ที่ใช้อยู่นั้น มันยังอยู่ในสภาพที่ OK หรือไม่? มีจุดบอด(blind spot) หรือจุดสว่างค้าง(always on) หรือเปล่า?


คุณผู้อ่านสามารถตรวจสอบสุขภาพจอ LCD ได้ด้วยโปรแกรมฟรีแวร์เล็กๆ ทีมีชื่อตรงกับคำถามข้างต้นเป๊ะเลย นั่นก็คือ IsMylcdOK






ฟรีแวร์ตัวเล็กๆ นี้จะสามารถตรวจสอบมอนิเตอร์ LCD ของคุณได้โดยแสดงชุดแท่งสีในแนวนอน และแนวตั้ง ตลอดจนการไล่โทนสีต่างๆ ซึ่งคุณผู้อ่านจะสามารถมองเห็นความผิดปกติที่มักเกิดขึ้นทั่วไปกับจอ LCD ได้โดยง่าย อันได้แก่ จุดบอดของพิกเซลทีมึดดับ หรือจุดร้อนของพิกเซลทีสว่างค้างตลอดเวลา รวมถึงความผิดปกติของแบคไลท์ และการตั้งค่าเฟสของวิดีโอที่ผิดปกติ ฟรีแวร์ตัวเล็กๆ นี้จะสามารถตรวจสอบมอนิเตอร์ LCD ของคุณได้โดยแสดงชุดแท่งสีในแนวนอน และแนวตั้ง ตลอดจนการไล่โทนสีต่างๆ ซึ่งคุณผู้อ่านจะสามารถมองเห็นความผิดปกติที่มักเกิดขึ้นทั่วไปกับจอ LCD ได้โดยง่าย อันได้แก่ จุดบอดของพิกเซลทีมึดดับ หรือจุดร้อนของพิกเซลทีสว่างค้างตลอดเวลา รวมถึงความผิดปกติของแบคไลท์ และการตั้งค่าเฟสของวิดีโอที่ผิดปกติ







ตัวโปรแกรมมีขนาดเล็กมากประมาณ 15 กิโลไบต์เท่านั้น แถมการใช้งานยังไม่ต้องติดตั้งเข้าไปในเครื่องอีกด้วย แค่คลาย zip ออกมา แล้วก็เป็นโปรแกรมได้เลย การใช้งานก็ง่ายมาก แค่กดปุ่มหมายเลขบนคีย์บอร์ดให้ตรงกับหัวข้อทดสอบที่ปรากฎบนหน้าจอ หรือให้มันทดสอบไปเรื่อยๆ ได้ด้วยการกดปุ่มอะไรก็ได้บนคีย์บอร์ดครับ ส่วนการออกจากโปรแกรมก็กดปุ่ม Esc แค่นั้น ง่ายไหมละค่ะ แต่เนื่องจากมันเป็นโปรแกรมของเยอรมัน เพราะฉะนั้นตอนใช้งานให้คลิกปุ่มเลือกภาษาเป็น English ด้วยนะค่ะ ยกเว้นคุณจะอ่านภาษาเยอรมันออก

แหล่งที่มา :: www.arip.com

IT New

http://www.arip.co.th/2006/news.php?ofsm=6&ofsy=2008&id=407466

วันที่ :: 9 มิถุนายน 2551


ข่าวเทคโนโลยี Computer

::: Vista : ไอคอนโฟลเดอร์ Music เพี้ยน... :::



สมัยที่เล่น Windows 3.x/95/98 นายเกาเหลาชอบมาก เวลาที่ได้พบวิธีแกะรอยไฟล์ข้อกำหนดการทำงานต่างๆ ของระบบปฏิบัติการ โดยเฉพาะการแก้ไขปรับแต่งไฟล์ .INI แต่ระยะหลังแทบจะไม่ค่อยได้ไปข้องแวะกับไฟล์ประเภทนี้สักเท่าไร จนกระทั่งมีคำถามเกี่ยวกับ Vista ที่ว่า จู่ๆ ไอคอนโฟลเดอร์ที่ชื่อว่า Music ที่แต่เดิมมีรูปกราฟิกเป็นซีดีพร้อมตัวโน้ตสีฟ้า กลับกลายเป็นโฟลเดอร์พื้นฐานหน้าตาประมาณแฟ้มสีเหลือง





ตั้งแต่โบร่ำโบราณมาแล้วที่ไอคอนต่างๆ ของ Windows จะสามารถเปลี่ยนได้ตามใจ เพียงแค่เข้าไปเปิดไฟล์ที่ซ่อนไว้ (hidden file) ที่มีชื่อว่า desktop.ini ซึ่งจะมีข้อกำหนดที่ระบุว่า โฟลเดอร์นั้นๆ เลือกใช้ไอคอนอะไร อย่างไรก็ดี สำหรับมือใหม่ เพื่อนๆ สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการคลิ้กขวาบนไอคอนของโฟลเดอร์ที่รูปไม่ถูกต้อง เลือกคำสั่ง Properties จากนั้นคลิ้กแท็บ Customize แล้วคลิ้กปุ่ม Change Icon…



แต่ถ้าไม่พบเซกชันดังกล่าว เห็นทีจะต้องกลับไปใช้วิธีดั้งเดิม นั่นก็คือ เข้าไปแก้ที่ไฟล์ Desktop.ini โดยตรง ซึ่งใน Vista เราสามารถเปิดไฟล์นี้ขึ้นมาได้โดยพิมพ์คำสั่งข้างล่างนี้เข้าไปในไดอะล็อกบ็อกซ์ Run





notepad %USERPROFILE%\music\desktop.ini





โปรแกรม notepad จะแสดงข้อมูลที่อยู่ในไฟล์ desktop.ini ของโฟลเดอร์ music ขึ้นมา ให้เพื่อนๆ สังเกตว่ามีเซ็กชัน [.ShellClassInfo] ถ้าไม่พบก็ให้พิมพ์ข้อมูลข้างล่างนี้เข้าไปแทนค่ะ





[.ShellClassInfo]LocalizedResourceName=@%SystemRoot%\system32\shell32.dll,-21790InfoTip=@%SystemRoot%\system32\shell32.dll,-12689IconResource=%SystemRoot%\system32\imageres.dll,-108IconFile=%SystemRoot%\system32\shell32.dllIconIndex=-237





เสร็จแล้วจัดเก็บไฟล์ และล็อกออฟออกจาก Vista ก่อนที่จะล็อกอินกลับเข้าไปอีกที ไอคอนโฟลเดอร์ Music ควรจะกลับมาเป็นเหมือนดังรูปข้างล่างนี้แล้ว ทิปนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นกับหลายๆ ท่าน แต่นายเกาเหลาอยากให้แฟนๆ คอลัมน์ได้รู้จักกลไกของ Shell และไฟล์ desktop.ini ไว้น่ะค่ะ




แหล่งที่มา :: http://www.arip.co.th/

IT New > Software

http://www.arip.co.th/2006/news.php?ofsm=6&ofsy=2008&id=407464

วันที่ :: 5 มิถุนายน 2551





วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

รายงาน

เรียน เรียน แคล ยากแน่เลย สู้สู้